[EHW] Prof. Samuel Arelious

“ฉันจะทำให้พวกเธอเห็นเสน่ห์ที่แท้จริงของเวทมนตร์เอง ปิดหนังสือแล้วฟังฉันให้ดี เราจะไปท่องโลกของประวัติศาสตร์เวทมนตร์ด้วยกัน”

“ฉันต่อต้านความรุนแรงและการกลั่นแกล้งทุกชนิด ถ้ายังมีแรงเหลือเฝือมาทำเรื่องพรรค์นี้ก็เอาการบ้านไปเพิ่มซะ”

“บิสกิตผักรวมผสมเบอร์รี่แห้งน่ะลองซักชิ้นไหม? เห็นแบบนี้แต่อร่อยนะ”

CMS By PAKWUN

ชื่อ – สกุล :ซามูเอล แอเรียส (Samuel Arelious)
เพศ :ชายกรุ๊ปเลือด :B
วิชา :ประวัติศาสตร์เวทมนตร์สถานะทางสายเลือด :เลือดผสม
ชั้นปีที่ :อายุ :38
วันเกิด :11 ต.ค.1983ส่วนสูง / น้ำหนัก :186 cm  / 79 kg
สีผม :น้ำตาลอ่อนสีตา :ฟ้าอ่อน
ไม้กายสิทธิ์
เนื้อไม้ :ไม้เกาลัดแกนกลาง :ขนหางยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น :springyความยาว (inch) :14 นิ้ว
สัตว์เลี้ยง :เหยี่ยวแฮริสชื่อของสัตว์เลี้ยง :มาเรีย
ผู้พิทักษ์ (Patronus)Black Bearแอนิเมจัส (Animagus)Grizzly Bear มีรอยขีดบริเวณเหนือดวงตาเหมือนตอนยังเป็นมนุษย์
Twitter ผปค.สำหรับติดต่อhttps://twitter.com/Gam_Kanyanuth

ประวัติ

-ซามูเอลเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นเลือดบริสุทธิ์และแม่เป็นมักเกิ้ล พื้นเดิมแล้วพ่อเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพืชศาสตร์ที่สนใจในพืชพันธุ์ของมักเกิ้ล จึงเดินทางไปตามที่ต่างๆเพื่อศึกษาข้อมูลเพื่อทำวิจัยจนไปเจอกับแม่ของซามูเอล ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านพันธุศาสตร์อยู่ที่ไร่ของครอบครัวตัวเองในเบลเยียม ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ที่ตัวเองมีแก่อีกฝ่ายจนกระทั้งก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมา แต่ด้วยปณิธานที่พ่อตั้งไว้แต่แรก เมื่อซามูเอลมีอายุได้เพียง3ขวบ พ่อของเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อ โดยทิ้งหนังสือสมุนไพรศาสตร์ของโลกพ่อมดแม่มดที่ตัวเองเขียนไว้พร้อมกับจดหมาย40ฉบับ ที่เขียนกำกับไว้ว่าให้ซามูเอลเปิดอ่านปีละฉบับในวันเกิดของตัวเอง

-ซามูเอลนั้นเมื่อโตมาก็มีความสนใจในพืชศาสตร์ตามรอยพ่อกับแม่ของตัวเอง โดยแม่เขาก็คอยสนับสนุนและถ่ายทอดความรู้วิชาให้เขาอยู่เสมอ อีกทั้งตากับยายที่เป็นเจ้าของไร่ก็รักและเอ็นดูเขา วันคืนผ่านไปอย่างมีความสุขจนกระทั้งถึงเวลาที่ซามูเอลต้องเริ่มเข้าโรงเรียน ในตอนนั้นซามูเอลเป็นเด็กที่เจ้าเนื้อและใส่แว่นหนาเตอะ อีกทั้งท่าทางที่ไม่ค่อยสู้คนจึงเป็นเหยื่อชั้นดีสำหรับเด็กเกเรในโรงเรียน จนเขากลายเป็นเด็กกลัวการเข้าสังคม และมักจะชอบแกล้งป่วยบ่อยๆเพื่อจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน สิ่งที่คอยปลอบประโลมจิตใจของเด็กน้อยนั้นนอกจากตา ยาย แม่และหนังสือของพ่อแล้ว ก็เป็นบรรดาต้นไม้ในสวนที่ซามูเอลคอยดูแลอยู่

-แต่แล้วเรื่องยุ่งยากก็เกิดขึ้น เมื่อทางโรงเรียนติดต่อมาว่าซามูเอลขาดเรียนจนเก็บชั่วโมงไม่พอและอาจจะต้องซ้ำชั้น ขณะที่แม่ของเขากำลังกลุ้มใจอยู่นั้นปู่กับย่าซึ่งเป็นพ่อแม่ของพ่อก็เดินทางมาหาหลานตัวเองเป็นครั้งแรก โดยยื่นคำขาดว่าจะรับซามูเอลไปดูแลเพื่อเตรียมตัวเข้าฮอกวอตส์ ฝ่ายแม่เขาซึ่งเป็นคนหัวแข็งอยู่แล้วก็ไม่ยอมจนเกิดปากเสียงกัน สุดท้ายแล้วด้วยปัจจัยหลายๆอย่างซามูเอลจึงต้องไปอยู่กับปู่และย่าที่สก็อตแลนด์เพื่อเตรียมตัวเข้าฮอกวอตส์โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อหยุดซัมเมอร์แล้วเขาต้องกลับไปพักกับแม่

-ในที่สุดเขาก็ได้เข้าฮอกวอตส์สมใจปู่ย่าโดยได้เข้าไปอยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ ปู่กับย่าเล่าให้เขาฟังว่าตระกูลแอเรียสนั้นจะกระจายกันอยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟไม่ก็เรเวนคลอ อย่างพ่อเขาก็เคยอยู่บ้านเรเวนคลอมาก่อน เวทย์มนตร์นั้นดูจะเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตที่ซามูเอลให้ความสนใจเป็นอย่างมากจนกลายเป็นความหลงใหลไปในที่สุด ดังนั้นวิชาที่เกี่ยวกับเวทย์มนตร์ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันตัวการศาสตร์มืดหรือประวัติศาสตร์เวทมนตร์จึงกลายเป็นวิชาโปรดของเด็กชายไป รวมทั้งวิชาสมุนไพรศาสตร์ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจมาตั้งแต่เด็กด้วย

-ถึงจะย้ายโรงเรียนมาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหลุดพ้นจากการรังแกจากเพื่อนร่วมชั้น แต่โชคดีที่เขาได้พบกับอาจารย์สอนแปลงร่างที่ใจดีและอ่อนโยน ซามูเอลปลื้มอาจารย์ท่านนี้มากเลยตั้งใจเรียนจนทำคะแนนนี้ได้อันดับหนึ่งของห้อง แม้ว่าเขาจะถนัดวิชาสมุนไพรศาสตร์และประวัติศาสตร์เวทมนตร์มากกว่าก็ตาม จนถึงขนาดปีท้ายๆยังไปขอให้อาจารย์ช่วยสอนบทเรียนเพิ่มเพื่อเป็นแอนิเมจัส ด้วยหวังว่าขอให้ได้พูดคุยกับอาจารย์มากขึ้นกว่านี้สักนิดก็ยังดี

-เมื่อเรียนจบแล้วซามูเอลตั้งใจที่จะเป็นอาจารย์สอนที่ฮอกวอตส์ตามรอยอาจารย์ที่ตนเองเคารพ โดยระหว่างนั้นเขาได้เขียนบทความขึ้นมา2บทความเพื่อตีพิมพ์ คือ บทความเกี่ยวกับการพัฒนาสายพันธุ์สมุนไพรต่างๆโดยนำนวัตกรรมจากมักเกิ้ลมาประยุกต์ใช้ และ บทความที่เรียบเรียงประวัติศาสตร์เวทมนตร์ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับพ่อมดแม่มดเด็กที่มาจากครอบครัวมักเกิ้ล แน่นอนว่ามีทั้งส่วนที่ชื่นชอบและต่อต้าน(แน่นอนว่าเป็นพวกต่อต้านมักเกิ้ล) 

-แต่อย่างไรก็ตามบทความของเขาก็ได้รับการตีพิมพ์และก็เป็นตัวพิสูจน์องค์ความรู้ที่เขามี จนอาจารย์ใหญ่ตอบรับจดหมายสมัครเข้าเป็นอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ของเขา เป้าหมายของซามูเอลคืออยากให้นักเรียนเห็นเสน่ห์ของประวัติศาสตร์เวทมนตร์และรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เรียนวิชานี้ 

บุคลิก/นิสัย

-เนื้อแท้แล้วเป็นคนใจดี แต่เพราะหน้าดูดุ+เสียงโหดและไม่ค่อยยิ้ม คนเลยชอบคิดว่าซามูเอลเป็นคนน่ากลัว

-ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจหรือถ้ากำลังสอนนักเรียนอยู่จะพูดคล่องแคล่วมาก แต่พอเป็นบทสนทนาทั่วไปกับคนอื่นจะค่อนข้างพูดไม่ค่อยเก่ง บางครั้งออกสั้นห้วนจนความน่าคบของเจ้าตัวติดลบไปเลย

-เป็นคนใจเย็นและละเอียดละอ่อน โดยเฉพาะเวลาล่าวัตถุดิบและทำอาหารจะใจเย็นและละเอียดละอ่อนเป็นพิเศษ

-เป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้และมีความเพียรพยายาม ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจถึงจะยากแค่ไหนเจ้าตัวก็จะพยายามมากๆเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

สิ่งที่ชอบ

-การดูแลลูกๆ(พืชพันธุ์ต่างๆ) จนออกลูกออกหลาน(ผลิตผล)มาได้อย่างสวยงาม 

-เวทมนตร์ต่างๆ

-เล่นกับมาเรียและไลร่า

-การเขียนหนังสือและบทความต่างๆ

-การแสวงหาความรู้ใหม่ๆ

-อาหารและเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมสมุนไพร

-ของหวาน

-การออกล่าวัตถุดิบด้วยตัวเอง

-การสูบไปป์

-การปั่นจักรยาน

-การตกปลา

-ธรรมชาติ

-ของน่ารักๆเพราะเจ้าตัวรู้สึกว่าน่าทะนุทะนอม

สิ่งที่ไม่ชอบ

-การบูลลี่/การกลั่นแกล้งต่างๆ

-ความวุ่นวาย/ที่ๆมีคนอยู่เยอะๆ

-พืชพันธุ์ที่ตัวเองดูแลมากับมือตาย

-คนที่ทำร้ายพืชพันธุ์ต่างๆโดยไร้เหตุผล

-คนที่มีทัศนคติคับแคบ

-หาสาเหตุเวลาคนกินอาหารที่ตัวเองทำเหลือไม่ได้

ความสามารถพิเศษ

-ความรอบรู้ในเรื่องศาสตร์เวทมนตร์ พืชพันธุ์ต่างๆ การทำอาหารและคาถาแปลงกาย

-พ่นควันจากไปป์เป็นรูปร่างต่างๆได้ (รูปกระต่ายก็ทำได้นะ)

-เป็นแอนิเมจัส โดยร่างแอนิเมจัสเป็นGrizzly Bear

-มีร่างกายที่แข็งแรง แรงเยอะ (แน่นอนว่ามาจากการออกล่าวัตถุดิบ)

-ถนัดทำอาหารที่มาจากพวกผักผลไม้แล้วก็ปลา เช่นแยมเบอร์รี่ ซุปผัก พายปลา 

-ทำพวกยาสูบ/เครื่องหอม/ที่ดับกลิ่นจากสมุนไพรได้

อื่นๆ

-บ้านอยู่หลังเขา(จริงๆนะ) เลยไม่ค่อยทันพวกโซเชี่ยลมีเดียสมัยนี้เท่าไหร่(แต่เข้าอินเตอร์เน็ตกับเปิดอีเมลเป็น)

-ชอบพกถุงสมุนไพรหอมติดตัวไว้ดมเวลาเหนื่อยๆ (แก่แล้วก็แบบนี้แหละ)

-เพราะตอนเด็กโดนรังแกเยอะ โตมาเลยรู้สึกดีใจนิดๆที่หน้าดูเข้ม(โฉด)ขึ้น แต่พอเห็นปฏิกิริยาคนรอบข้างที่ดูกลัวๆแล้ว ก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาหน่อยๆ….

-รอยขีดขวนตามแขนและตรงคิ้วนั้นมาเป็นแผลจากการทำสวนล้วนๆ แต่คนชอบคิดว่ามาจากการทะเลาะวิวาท

-ปัจจุบันจะคอยเล็มๆหนวดตัวเองเสมอ เพราะไม่อยากให้หน้าตัวเองเถื่อนไปมากกว่านี้

-ถึงปู่กับย่าจะรักเขามาก แต่ก็ชอบบ่นบ่อยๆว่ายิ่งโตหน้าเขายิ่งเหมือนแม่ตัวเอง(?)

-จริงๆแล้วเจ้าตัวเลี้ยงเหยี่ยวแฮร์ริสไว้2ตัวคือมาเรียกับไลล่าซึ่งได้มาจากอาจารย์สอนแปลงร่างที่ซามูเอลเคารพ โดยเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่ซามูเอลไปขึ้นทะเบียนเป็นแอนิเมจัส  มาเรียเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักและเชื่องกับคน ซามูเอลจึกมักวานให้มาเรียช่วยส่งจดหมายกับของเล็กๆเสมอ ส่วนไลร่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่อารมณ์ร้อนน้อยๆไม่เชื่องกับใครนอกจากซามูเอลและเป็นตัวนำในการล่าเหยื่อ ซามูเอลจึงเลือกพามาเรียมาเพียงตัวเดียวเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ช่องทางการติดต่อ

ทวิตเตอร์ศจ.ซามูเอล : @ProSamuel_EHW

ทวิตเตอร์ฝปค. : @Gam_Kanyanuth

เฟสบุ๊คผปค. : Kanyanuth Gam Osathalert

*ทักมาโค จีบ โรลเล่น สอบถามเกี่ยวกับวิชาที่สอนได้นะคะ! เดี๋ยวตารางความสัมพันธ์จะตามมาน้า*

ไม่ได้เล่นมูทวิตและจับworkpressมาตั้งแต่ปี2014แล้วค่ะ5555 นานมากกกก เลยค่อนข้างใช้เวลางมสร้างเอนทรี่นานกว่าจะได้มาโพสแบบนี้orz สมัยนั้นไฟมันแรงปุ่มอะไรรู้เรื่องหมดป้าบๆเสร็จปิ๊ง มาตอนนี้คือจิ้มต็อกแต็กๆ+สับสนปุ่มเป็นระยะๆ แง๊

ห่างหายมูทวิตมานานไปเล่นมูเฟสแทน กลับมาประเดิมมูทวิตด้วยมูEHWเป็นมูแรก ยังไงก็ฝากตัวกับฝากลูกคนนี้ไว้ด้วยนะคะ เดะๆตั้งใจเรียนกันด้วยน้าจารย์ใจดีขนาดนี้5555 เพื่อนๆศจ.เราก็มาสู้ไปด้วยกันนะคะ!

Fic Got7 – Just fine [MarkBam]

“อ้าว! กลับมาแล้วเหรอมาร์ค?”

 

“รีบไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวได้แล้วนะ”

 

“พี่มาร์ค! กินข้าวเสร็จแล้วมาเล่นบาสกันนะ!”

 

“มาร์ค….. ลูกแน่ใจแล้วนะว่าจะไปจริงๆ”

 

เฮือก!

 

ร่างบางกระตุกตัวขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว เหงื่อจำนวนมากผุดออกมาเต็มหน้าขาวทั้งๆที่เปิดแอร์ไว้ มือเรียวกำผ้าห่มไว้แน่น เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองตื่นมาจากความฝันแล้ว หลังจากนั่งนิ่งอยู่สักพักจนได้สติ เด็กหนุ่มก็คลายมือที่กำผ้าห่มไว้ก่อนที่จะลูบหน้าตนเองอย่างเหนื่อยล้า

 

ให้ตายสิ! ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมาฝันแบบนี้ได้

 

‘มาร์ค ต้วน’ เด็กชายเชื้อชาติไต้หวัน เดินทางจากLA จากครอบครัวของเขา มาเป็นเด็กเทรนค่ายJYPที่เกาหลี ครั้งแรกที่บอกครอบครัวไปว่าเขาจะไปเป็นเด็กเทรนที่เกาหลีทุกคนต่างก็ไม่เชื่อเขา แม้แต่พ่อของเขาเองยังคิดว่าเขาป่วยเลย แต่ตัวเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจกับปฏิกิริยาของคนในครอบครัวซักเท่าไหร่ เพราะพื้นฐานตัวเขานั้นก็ไม่ได้กระตือรือร้นหรือใส่ใจอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ตื่นนอน อาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าว เล่นบาส เล่นมือถือ เข้านอน ชีวิตเขาก็วนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้มานานแล้ว และเขาก็พอใจที่มันเป็นแบบนี้ จนกระทั้งเขาได้มีโอกาสออดิชั่นกับค่ายJYPจนผ่านเข้ารอบได้ไปเป็นเด็กเทรนที่เกาหลีนี่ล่ะ

บางครั้งเขาก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้กันนะ? ทั้งๆที่เวลานี้เขาควรจะอยู่ที่LA ใช้ชีวิตแบบเดิมๆไปจนหมดวัน แล้วรอเข้าวันใหม่เพื่อเริ่มใช้ชีวิตแบบเดิมๆอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะเขาอยากจะลองเริ่มอะไรใหม่ๆด้วยตัวเองดูก็ได้  ในวันนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะมาอยู่ที่เกาหลีอย่างไม่ลังเล

เมื่อมาที่เกาหลี มันเหมือนกับว่าเขาต้องเริ่มต้นจากศูนย์หมดทุกอย่างทั้งเรื่องภาษา วัฒนธรรม หรือแม้กระทั้งอาหารการกิน ทุกๆวันเขาต้องฝึกทั้งการร้องและการเต้นร่วมกับเด็กเทรนคนอื่นๆ คนอื่นๆที่มีความฝันเดียวกับเขา ที่นั้นเขาได้เพื่อนเยอะอยู่พอสมควรแต่ก็ไม่ได้มากมายสักเท่าไหร่ ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้พูดคุย ได้หัวเราะไปด้วยกัน พอตกค่ำเขาก็วิดีโอคอลไปคุยกับครอบครัวตั้งแต่เรื่องการซ้อมในแต่ละวันจนไปถึงเรื่องจิปาถะต่างๆ เขารู้สึกได้ว่าทุกๆวันของเขาเต็มไปด้วยความสนุก ความเหนื่อย และเรื่องเหนือความคาดหมายมากมาย และเขาก็รู้สึกพอใจที่มันเป็นแบบนี้

 

จนกระทั่งวันนี้….. ที่เขาฝันเห็นครอบครัวของเขา

 

ทำไมกันนะ? ทั้งๆที่เขาก็วิดีโอคอลหากันทุกวันอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่เด็กขี้แยที่จะมามีอาการโฮมซิกเอาป่านนี้ด้วย รึว่าเขาเหนื่อยเกินไป? ก็ถูกบางส่วนแต่เรื่องความเหนื่อยเขาก็ชินซะแล้วล่ะ หรือว่า…. เขาจะโหยหาวัฏจักรชีวิตเดิมๆกันแน่นะ

 

ตื่นเช้ามาก็มีแม่คอยปลุกแต่เดี๋ยวนี้เขากลับตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกแทนซะแล้ว

 

อาหารเช้าที่กินพร้อมกับครอบครัวพูดคุยหยอกล้อกันกลายเป็นต้องกินพร้อมกับคนต่างชาติ

ที่ต้องสื่อสารด้วยภาษามือมากกว่าที่จะพูดด้วยกัน

 

ตอนเย็นที่ได้กอดคุณพ่อ หอมคุณแม่ หยอกล้อพี่สาวกับน้องชาย กลายเป็นได้แต่คุยผ่านจอเท่านั้น

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเจ็บข้างใน เขาขยี้หัวตัวเองแรงทีหนึ่งเพื่อระบายความรู้สึกแปลกๆออกไป ขณะเดียวกันขอบตามันก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

 

ก็อกๆ

 

เสียงเคาะประตูเรียกสติเขากลับมาอีกครั้ง เขารีบปาดน้ำตาที่ขอบตาออกอย่างรวดเร็วก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติ “นั้นใครน่ะ?” ข้างนอกมีเสียงกุกกักเล็กน้อย ก่อนเสียงใสๆที่เขาคุ้นเคยจะตอบกลับมา “นี่แบมแบมเองฮะ! ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมฮะ?” เขาเช็ดๆหน้าตัวเองอีกรอบก่อนจะเอ่ยปากให้อีกฝ่ายเข้ามา

“ทำไมมาร์คฮยองถึงไม่ไปกินข้าวกลางวันล่ะฮะ? ตอนบ่ายมันยังมีซ้อมต่ออีกนะฮะ เดี๋ยวก็ซ้อมไม่ไหวหรอก” เสียงเล็กๆพูดบ่นเจื้อยแจ้วขณะเดินพ้นผ่านประตูเข้ามา “ฮยอง! ทำไมตาฮยองแดงแบบนั้นล่ะฮะ! ไม่สบายรึเปล่า?” เด็กไทยตัวน้อยถามเขาด้วยความตกใจ

อ่า จะตอบกลับยังไงดีนะ….

 

Bambam’s talk

ผมมองมาร์คฮยองด้วยความเป็นห่วง ตาของฮยองที่ปกติจะใสเป็นประกาย ตอนนี้กลับขุ่นมัวแถมยังติดแดงๆนิดๆด้วย “ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกแบมแบม แค่นอนเยอะไปหน่อยน่ะตาเลยแดง” มาร์คฮ-ยองตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ปากอิ่มขยับยิ้มให้ผมเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ผมเป็นกังวล

ผมขมวดคิ้วนิดๆอย่างไม่ค่อยเชื่อ ก่อนจะเดินดุ่มๆไปนั่งบนเตียงข้างๆฮยองโดยไปรอคำอนุญาต ผมจ้องหน้าฮยองสักพักหนึ่ง ก่อนจะถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ “ฮยอง… คิดถึงบ้านใช่ไหม?” แววตาฮยองสั่นวูบเล็กน้อยเมื่อผมถามออกไป ก่อนที่จะขยับท่าเตรียมพูดตอบ ผมรีบพูดดักออกไปก่อนว่า “ฮยอง อย่าพยายามโกหกเลยนะ ตอนผมมาถึงใหม่ๆผมก็เป็นแบบฮยองเปี๊ยบเลย เกาหลีก็พูดไม่ได้ แถมภาษาอังกฤษผมก็ไม่แข็งอีก จนบางครั้ง ผมก็นึกถึงที่บ้าน….. อยากจะกลับไป….” เสียงผมสั่นเล็กน้อยเมื่อพูดถึง มาร์คฮยองไม่ได้พูดขัดอะไรแต่กลับยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ

ความอบอุ่นจากฝ่ามือฮยองยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมต้องเป็นฝ่ายช่วยฮยองไม่ใช่เหรอ? ทำไมผมถึงไม่เข้มแข็งขึ้นอีกสักนิดนะ! “เอ่อใช่! ผมโหลดเพลงใหม่มาด้วยแหละฮยอง ฮยองอยากลองฟังไหมฮะ?” ฮยองผละมือออกจากหัวผม พร้อมกับยิ้มบางๆแล้วพยักหน้า ผมรีบคว้ามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วรีบหาเพลงที่ต้องการ ก่อนเสียบหูฟังข้างหนึ่งให้กับฮยอง “อันนี้เป็นเพลงของนักร้องไทยนะฮะ แต่เขาร้องเป็นภาษาอังงกฤษนะ แต่งเองร้องเอง เก่งมากเลยล่ะฮะ” ผมพูดเกริ่นเล็กน้อย ก่อนจะกดเล่นเพลงทันที

 

Note The Star – Just fine

Different language Different country Different place Different family
แปลกภาษา แปลกถิ่น แปลกที่ แปลกบ้าน

 

มาร์คฮยองหันมามองผมทันทีที่เพลงเริ่ม ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วฟังเพลงต่อไป

Different school Different friend Different passage Different chance
โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ ทางเดินใหม่ แนวใหม่

 

Different Street Different name Different face Different aim
แปลกถนน แปลกชื่อ แปลกหน้า แปลกกลุ่ม

 

Different song Different seeing New adventure new beginning
เพลงใหม่ มุมมองใหม่ การผจญภัยใหม่ การเริ่มต้นใหม่

ผมลองเหลือบไปดูปฎิกิริยามาร์คฮยอง ภาพที่ผมเห็นคือฮยองค่อยๆหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ผมคลี่ยิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะฟังเพลงต่อ

Oh  honey don’t worry you will be just fine We are walking on this road together
อย่ากลุ้มใจไปเลย เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นเอง เราจะก้าวไปด้วยกันบนเส้นทางนี้ด้วยกันนะ
and I understand what’s on your mind
ฉันรู้ดีว่าเธอคิดยังไง

This blue will last forever Tomorrow we’ll laugh together
ความเหงาจะต้องเศร้าจางไป พรุ่งนี้เราจะได้หัวเราะด้วยกัน
and everything will be just fine…  just fine… just fine… just fine …
และทุกอย่างก็จะดีขึ้น ดีขึ้น

Oh  honey don’t worry you will be just fine We are walking on this road together
อย่ากลุ้มใจไปเลย เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นเอง เราจะก้าวไปด้วยกันบนเส้นทางนี้ด้วยกันนะ
and I understand what’s on your mind … Just fine …
ฉันรู้ดีว่าเธอคิดยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

 

มาร์คฮยองค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อเพลงจบลงแล้วหันมาสบตาผม “อ่า เพลงเพราะใช่ไหมฮะฮยอง?” ผมถามแก้เก้อออกไป มาร์คฮยองพยักหน้าก่อนจะกลับมาจ้องหน้าผมเหมือนเดิม เหมือนกลับรอให้ผมพูดอะไรซักอย่าง “เอ่อ คือ….. ก็…. ตามนั้นเลยฮะ…” ผมได้แต่อึกอัก ไม่รู้ว่าจะพูดต่อยังไงดี

“หึ” มาร์คฮยองหลุดขำออกมา ก่อนจะมองหน้าผมด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ทำเอาผมทำอะไรไม่ถูกเลย “คราวหลังมีอะไรก็มาคุยกันได้นะ” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มเอ่ย  “ฮะ?” ผมเผลอร้องออกไปด้วยความตกใจ “ก็… We walking on this road together นี่ ถ้านายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรืออยากให้ฉันช่วยอะไรก็มาบอกฉันได้” ฮยองเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าฉันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรืออยากให้นายช่วย นายก็ต้องช่วยฉันเหมือนกัน…

ตกลงไหม?”

“ตกลงฮะ!” ผมบอกอย่างยินดีก่อนจะยื่นนิ้วก้อยให้ฮยอง พี่ชายสุดหล่อของผมยิ้มน้อยๆก่อนจะยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยผม “เอาละ! ถึงเวลาซ้อมรอบบ่ายแล้วนะตัวเล็ก” ฮยองพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินนำผมไปที่ประตู “เดี๋ยวก่อนฮยอง!” ผมร้อง ก่อนจะรีบหยิบห่อขนมที่ตอนแรกตั้งใจจะเอามาแบ่งฮยองที่ไม่ยอมไปกินข้าวกลางวัน “ผมเอามาให้! แบ่งกันนะฮะ!”

ฮยองมองขนมสามชิ้นในห่อสักพัก ก่อนจะเลือกหยิบชิ้นหนึ่งส่งเข้าปากและหยิบอีกชิ้นมาไว้ในมือ แล้วแกล้งเดินลอยหน้าลอยตาออกไป “อ๊ะ! ฮยอง” ผมขมวดคิ้ว “ฮยองเล่นเอาไปสองชิ้นแล้วผมจะกินอะไรล่ะฮะ?” ผมทำหน้ายู่พร้อมกับพองแก้มใส่ฮยอง ฮยองหันมายักคิ้วให้ผมทีหนึ่งก่อนจะพูดว่า “นายก็กินที่เหลือไปไง” พูดเสร็จก็หันมาจิ้มแก้มผมทีหนึ่งด้วยความหมั่นเขี้ยว “ฮยองอ่า!” ผมโวยวายใส่ มาร์คฮยองหัวเราะ ก่อนจะก้มลงมาสบตาผมอีกรอบ “แบมแบม…” มาร์คฮยองเรียกชื่อผม ริมฝีปากอิ่มของฮยองคลี่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน “ขอบใจนะ” ผมยิ้มกว้างตอบฮยองจนเห็นฟันทุกซี่

ถึงแม้ทางที่ผมกับฮยองและเพื่อนๆพี่ๆเด็กเทรนทุกคนกำลังเดินอยู่จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่พวกเราก็จะช่วยกันประคับประคอง และผ่านมันไปให้ได้ด้วยกันได้อย่างแน่นอน

“ฮะ!”

 

fin

———————————————————————————————————-

ฟิคนี้เกิดขึ้นได้เพราะfact Got7ล้วนๆเลยค่ะ 5555555 หนุ่มๆน่ารักมากกกกก > < พออ่านแล้วก็ลองนั่งคิดๆดูว่าหนุ่มๆก็ถือว่าต้องจากบ้านกันมา มันก็คงต้องมีคิดถึงบ้านกันบางอยู่แล้ว โดยเฉพาะฝั่งอินเตอร์ไลน์ ไม่มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเลย T T คิดไปคิดมาก็กลายมาเป็นฟิคนี่เฉยเลยค่ะ 555555 อาจจะมีข้อมูลผิดไปบ้าง หรืออุปนิสัยไม่ตรงกับตัวจริงบ้าง เราก็ขอยอมรับค่ะว่าอาจจะยังศึกษาข้อมูลหนุ่มมาไม่ดีพอ ก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ส่วนเรี่องเพลง เราชอบเพลงนี้มากเลยคะ พี่นทร้องเองแต่งเองเลยคะ แต่งก็เก่ง เสียงก็เพราะ ฟฟฟฟ //อวย ตรงนี้อาจจะมีปัญหาตรงเรื่องทามไลนนะคะ ก็…. เบลอมันไปก็แล้วกันเนอะ //โดนยัน

นี่ก็เป็นfic Got7เรื่องแรกของเราด้วย ยังไงก็ฝากช่วยกันติชอบด้วยนะคะ! ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากค่า //โปรยดอกไม้ให้

เครดิตเนื้อเพลงและคำแปล http://my.dek-d.com/naveeganza/blog/?blog_id=10132081

หม่อมแม่

Ex-SHEILD : Mission-1 [Addison R. Convoy]

Mission 1: 0-8-4 [The Netherlands]

ความตื่นเต้น ความกังวล ความเครียด ความไม่สบายใจ

 

ความรู้สึกเหล่านี้ปนเปอยู่ในเอเจนต์ทุกๆคนอย่างเห็นได้ชัด จากทางเดินในตัวอาคารที่เคยเงียบสงบ วันนี้กลับดูคึกคักและวุ่นวายขึ้นมา ตลอดทางเดินมีแต่เสียงพูดคุยระหว่างคนในทีมและนอกทีม  เกี่ยวกับภารกิจที่ทีมของตนได้รับ

Mission-1: 0-8-4

แอดดิสันก้มหน้ามองแฟ้มภารกิจในมืออย่างพิจรณา ภารกิจแรกที่ทุกทีมได้รับคือการตามหาวัตถุ รหัส 0-8-4 (Objects Of Unknown Origin) ซึ่งแต่ละทีมจะได้พิกัดในการค้นหาแตกต่างกันไป อาจจะเป็นไปได้ทั้งในอเมซอนตลอดจนทะเลทรายหรือแม้แต่ในหิมาลัย ระดับความยากง่ายที่ได้ก็จะแตกต่างกัน

โดยทีมซีน่อนของเขาได้ไปทำภารกิจในถ้ำวงกต ซึ่งคาดว่าเป็นถ้ำซึ่งเกิดจากหินปูน มีเพียงข่าวลือสั้นๆว่ามีคนพบสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอยู่ภายในถ้ำเท่านั้น ภายในถ้ำนั้นมีลักษณะคล้ายเขาวงกต เคยมีข่าวเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มซึ่งเคยลงไปในถ้ำนั้น

รวมทั้งวัตถุรหัส 0-8-4 ที่ทีมของเขาต้องค้นหายังมีลักษณะเหมือนแมลงปีกแข็งทั่วไป ซ้ำยังเรืองแสงเป็นสีฟ้าอีกด้วย

 

ดูลึกลับยังไงชอบกล

 

หลังจากจดจ่อกับภารกิจไปสักพัก เขาก็เริ่มออกตามหาคนในทีมของตัวเองทันที อย่าน้อยก็ควรไปแนะนำตัวในฐานะเพื่อนร่วมทีมตามมารยาทที่ดีซะก่อน…

 

ฉับพลัน สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับท็กเอ็กส์เพิร์ตหัวส้มที่คุ้นเคยเข้าพอดี ไม่รอช้าเขาก็เดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

 

จะให้ไปทักคนที่ยังไม่คุ้นเคยตอนนี้ ก็ยังไม่พร้อมซักเท่าไหร่

 

“..วันนี้บีบลูกบอลหรือยังครับ” อาจจะเป็นคำทักทายที่ดูไม่เหมือนที่ชาวบ้านทั่วไปทักกันซะหน่อย แต่เอเจนต์ซีออนก็หันมาตามเสียงเรียกก่อนจะก้มหัวทักทายเล็กน้อย

 

เอเจนต์ซีออนถือเป็นเอเจนต์คนแรกๆและน้อยคนนักที่เขาพอจะคุ้นเคยและสามารถพูดคุยได้ด้วยตามปกติ อีกทั้งยังเป็นคนที่เขาต้องคอยจับตามองว่าเจ้าตัวยังบีบบอลเพื่อบริหารกล้ามเนื้อตามที่เขาแนะนำอยู่รึเปล่า…….

 

“สวัสดีครับเอเจนต์คอนวอย ทราบภารกิจแล้วสินะครับ” เอเจนต์ซีออนเปิดประเด็นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา “ทราบแล้วล่ะครับ ภารกิจแรกมาก็ยากและอันตรายพอสมควรเลยนะครับ” เขาตอบกลับ “แล้วอย่างนี้ทีมเราจะนัดประชุมเรื่องภารกิจกันเมื่อไหร่ครับ” เอเจนต์ซีออนเอ่ยถามต่อ ดูจากท่าทางของเอเจนต์ซีออนแล้วก็คงอยากจะคุยเรื่องภารกิจกับคนอื่นๆบ้าง เป็นโอกาสดีทีเดียวที่เขาจะได้เพื่อนไปด้วยให้อุ่นใจขึ้นมาหน่อย

 

“น่าจะตอนนี้เลยนะครับ ไปหาหัวหน้าคอฟแมนกันเลยมั้ยครับไหนๆก็มาเจอกันแล้ว” เขาเอ่ยชวน เอเจนต์ซีออนพยักหน้าน้อยๆเป็นการตกลง ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปหาหัวหน้าทีมด้วยกัน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

หลังจากคุยเรื่องภารกิจและการวางแผนกับหัวหน้าคอฟแมนและเอเจนท์เดกซ์เตอร์ได้สักพัก ต่างคนก็ต่างขอแยกย้ายกลับไปเตรียมของที่จะนำติดตัวไปทำภารกิจ เมื่อกลับถึงห้องเช่า แอนดิสัน คอนวอยก็จัดแจงเอากระเป๋าเดินทางขนาดกระทัดรัดใบหนึ่งออกมาจากตู้โดยตั้งใจจะใช้กระเป๋าใบนี้ใส่ของไปทำภารกิจ ยังไม่ทันจะจัดเตรียมของเสร็จดี มือถือคู่ใจเขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา

 

“คุณลุงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ทันทีที่รับสาย เสียงใสๆที่แกล้งทำเป็นพูดยานคางก็ดังออกมาทันที “อาร์ยา ลุงบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าทำเสียงแบบนั้น ไม่น่ารักเลย….” เขาพูดอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะกดปุ่มสปีกเกอร์โฟน เพื่อจะได้จัดข้าวของได้คล่องขึ้น “หนูก็พูดอย่างงี้มานานแล้วน้า คุณลุงก็น่าจะชินได้แล้วนะคะ!” เสียงเล็กๆยังคงพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ ขณะที่เขาได้แต่โคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจ

 

“แล้วก็นะ….. เมื่อกี้เสียงกระเป๋าลากนี่นา! คุณลุงจะไปไหนเหรอคะ?” นอกจากจะพูดเก่ง กวนเก่งแล้ว หลานสาวเขายังเป็นคนหูไวตาไวอีกต่างหาก……

 

“ไปทำงานนอกสถานที่น่ะ” หนุ่มผมดำตอบ ก่อนจะหันไปสนใจปืนในมือต่อ ครั้งนี้เขาไม่อาจทราบได้เลยว่าจะต้องไปปฎิบัติภารกิจภายในถ้ำหินปูนนั้นนานแค่ไหน ดังนั้นเขาต้องเตรียมอาวุธให้พร้อมและเพียงพอกับการใช้งานที่สุด

“แล้วมัน…. หนาวไหมคะ?” หลานสาวตัวดีถาม “ก็หนาวหน่อย….” เขาตอบสั้นๆ ขณะเริ่มหันไปจัดแจงของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าต่อ

 

“งั้นคุณลุงต้องใส่เสื้ออุ่นๆเข้าไว้นะคะ! ดื่มน้ำอุ่นๆเข้าไว้ แล้วก็อย่าลืมยาแก้หวัดแก้ไขด้วยนะคะ! แล้วก็…..” เด็กสาวที่พึ่งพ้นช่วงชั้นอนุบาลมาหมาดๆร่ายยาว ขณะที่เขาค่อยตอบรับเป็นช่วงๆ “อย่าพูดอืมๆอย่างเดียวนะคะ! ต้องทำตามด้วย!” “รู้แล้วๆ เธอเองก็รีบไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวก็ตัวไม่โตหรอก” เขาตัดบทเมื่อเห็นเวลานั้นล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว “งั้นราตรีสวัสดิ์นะคะคุณลุง อย่าลืมของฝากนะคะ!” หลังสั่งของฝากเสร็จแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงจุ๊บมาตามสายเบาๆ

 

แอดดิสันนิ่งไปสักพักก็จะยกมือถือขึ้นมาจรดริมฝีปากเบาๆก่อนจะเอ่ยราตรีสวัสดิ์กับเด็กน้อยปลายสาย

“ฝันดีนะ….”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

ณ เครื่องบินขนาดเล็กที่เบิกมาจากชีลด์

 

เสียงปรบมือของหัวหน้าคอฟแมนช่วยดึงสติเขากลับมา หลังจากที่เขานั่งเช็คอาวุธที่พกมาอย่างละเอียดท่ามกลางความวุ่นวายเล็กๆของคนในทีมที่ล้อมวงรอบโต๊ะประชุมอยู่มาได้สักพัก

 

“ทุกคนคงจะทราบดีแล้วว่าภารกิจในครั้งนี้ของทีมเราคือการสำรวจถ้ำที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งคาดว่าจะมี0-8-4แฝงตัวอยู่ในนั้น…” หัวหน้าเกริ่น ก่อนจะปัดมือให้จอโฮโลโปรแกรมแสดงภาพบริเวณหน้าถ้ำที่ทีมต้องเข้าสำรวจขึ้นมา มองดูจากถ้ำแล้วเขาเชื่อว่าทุกคนมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดมิดและความวังเวง……

 

หลังจากนั้นหัวหน้าคอฟแมนก็อธิบายเกี่ยวกับตัวภารกิจแล้วก็หน้าที่ของแต่ละคน รวมถึงจัดวางลำดับแถวที่ใช้ โดยเขาได้ตำแหน่งคุ้มกันด้านหลังสุด ในขณะที่เอเจนต์วู้ดโรว์คอยระวังความปลอดภัยให้อยู่ด้านหน้า คนที่เดินใกล้เขาที่สุดเห็นจะเป็นเอเจนต์กัลโลเวล์ เอนจิเนียร์สูงวัยหันมายิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ทำให้เขาอดยิ้มตอบกลับไปไม่ได้

 

“รับทราบครับหัวหน้า” ผนขานรับพร้อมกับคนในทีม แต่ดูเหมือนหัวหน้าคอฟแมนดูไม่ค่อยพอใจกับปฎิกิริยาของลูกทีมซักเท่าไหร่ “พวกคุณไม่มีอะไรจะเสนอแนะเลยหรือคะ?” หัวหน้าเปรยขึ้นเพื่อกระตุ้นลูกทีมให้ลองออกความคิดเห็นกันบ้าง

 

ได้ผลดีเกินคาดแฮะ

 

แอดดิสันคิดในใจ หลังจากที่หัวหน้าพูดแล้วแต่ละคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็นของตนออกมา เริ่มจากเอเจนต์บอร์ดเล่ที่กล่าวเตือนทุกคนเรื่องสภาพอากาศภายในถ้ำ  “ค่ะ ดังนั้นฉันเลยอยากให้ทุกคนสวมชุดที่ค่อนข้างหนาหน่อย แต่ก็ไม่มากชิ้นจนร้อนแล้วถอดออกมาถือลำบากเกินไป..แล้วก็ภายในถ้ำมีลักษณะทางคดเคี้ยวเป็นทางวงกต ขอให้ทุกคนรวมกลุ่มกันห้ามแยกไปคนเดียวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันนะคะ …เอเจนต์กัลโลเวย์ จะเป็นคนคอยทำสัญลักษณ์เอาไว้ในที่ที่เราเดินผ่านเพื่อที่จะได้รู้ว่าเราหลงทางหรือไม่ด้วย โอเคนะคะ?” หัวหน้าคอฟแมนกล่าว

“ผมขอเสนอให้ใช้แท่งสีนีออนในการทำสัญลักษณ์ที่ผนังถ้ำนะครับ ง่ายต่อการเห็นและส่องแสงได้นานพอสมควรครับ” เอเจนต์ซีออนพูดสมทบ หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็นของตนออกมาบ้าง ก่อนที่เอเจนต์หัวส้มจะกล่าวเสนออีกครั้ง “ผมมีแผนสำรองไว้ว่าถ้าเราหายกันจริงๆ แนะนำให้ทุกคนโหลดแอพGPSเข้าไว้ในมือถือนะครับ เผื่อผมจะแฮ็กสัญญาณดาวเทียมหาพวกคุณได้…” ดูเป็นวิธีที่ขี้โกงหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่อาจจะมาช่วยพวกเราในยามฉุกเฉินได้ ทีมซีน่อนทุกคนจึงพร้อมใจกันโหลดแอพGPSเข้ามือถือทันที

“ฉันไม่มีหลักการอะไรมากค่ะ.. ทุกอย่างเพื่อภารกิจ”

นั้นคือคำจบการประชุมของหัวหน้าทีมซีน่อนที่ทำให้ทุกคนรู้สึกฮึกเหิมกับภารกิจตรงหน้า

เป็นคนที่พูดตรงไปตรงมาได้ดีจริงๆครับ…..

หลังจากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อนก่อนที่จะถึงจุดหมาย โดยแอดดิสันได้เข้าไปคุยกับเอเจนต์วู้ดโรล์เรื่องแผมและอาวุธเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปงีบเอาแรงก็ที่ภารกิจจะมาถึง

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

เมื่อมาถึงเนเธอร์แลนด์แล้ว ทุกคนก็พากันขึ้นรถโดยมีไกด์ท้องถิ่นเป็นคนขับ หลังจากนั้นก็เดินเท้าก็ถึงปริเวณปากถ้ำปริศนาเรียบร้อย เขากับเอเจนต์วู้ดโรล์หยิบปืนพกประจำตัวขึ้นมาตรวจเช็คความเรียบร้อย งานนี้จะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด

หลังจากที่ทุกคนจัดเตรียมของใช้กันเรียบร้อยแล้ว เอเจนต์วู้ดโรล์ก็เดินนำหน้าเข้าถ้ำไปก่อน เขารอจนกระทั่งคนอื่นเดินเข้าถ้ำไปหมดแล้ว ก่อนจะมองไปรอบๆตัวรอบหนึ่งก่อนจะรีบเดินมาปิดท้ายขบวน

 

อากาศภายในถ้ำค่อนข้างเย็นตามข้อมูลที่ได้รับมา ตอนนี้ทุกคนสอดส่ายไฟฉายไปมาเพื่อสำรวจตามทางเดินและผนังของถ้ำ

 

มีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้นที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทีมเรายังเกาะกลุ่มกันดีอยู่

 

แกรก..

 

เสียงปริศนาดังขึ้นก้องถ้ำ เขากับเอเจนต์วู้ดโรล์รีบชักปืนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน “ซอรี่ครับ ผมเผลอเตะก้อนกรวด..” เอเจนต์ซีออนเอ่ยขอโทษเบาๆ ท่ามกลางความโล่งใจของเพื่อนร่วมทีมทุกคน เมื่อจบปัญหาแล้วขบวนก็เคลื่อนที่ต่อไป จนกระทั่ง………….

หัวขบวนเราไปสบตากับโครงกระดูกที่พิงอยู่เข้าพอดิบพอดี……

เกิดความแตกตื่นภายในขบวนเล็กน้อย แต่คงไม่เท่ากับเอเจนต์ซีออนที่เอาแต่ก้มหน้าลงชิดโน๊ตบุ๊ค พร้อมกับพึมพำออกมาเป็นช่วงๆเหมือนกำลังเรียกสติตัวเอง

“ยังใหม่ๆอยู่เลยนะ ไม่เกิน5ปี..” เสียงหัวหน้าคอฟแมนวิเคราะห์เจ้าโครงกระดูกตรงหน้า ถึงแม้เอเจนต์ซีออนจะลองถามหัวหน้าว่าจะเก็บตัวอย่างไหม แต่หัวหน้าคอฟแมนก็ปฏิเสธ โดยบอกว่ามันไม่ใช่เป้าหมายของเรา เมื่อจบเรื่องแล้ว ขบวนก็เริ่มออกเดินอีกครั้งหนึ่ง

อากาศในถ้ำเริ่มเย็นขึ้นมาก หลังจากทุกคนเดินกันมานานหลายๆคนก็เริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมา จนเมื่อเราได้รับคำสั่งให้หยุดพักของหัวหน้าคอฟแมน ทุกคนก็วางอุปกรณ์ลงพร้อมกับช่วยกันก่อไฟ โดยแอดดิสันเลือกที่จะนั่งอยู่กับเอเจนต์วู้ดโรล์กับเอเจนต์ฮานนา

“หัวหน้า มีอะไรรึเปล่าครับ!?”  เอเจนต์วู้ดโรล์เดินตามหัวหน้าคอฟแมนที่ยังคงเดินสำรวจผนังถ้ำอย่างไม่หยุดหย่อน เขาจึงอยู่ดูความเรียบร้อยของเพื่อนร่วมทีมแทน

“ดูเหมือนฉันจะเจอเบาะแสบางอย่างแล้วคะ!” เสียงของหัวหน้าเรียกให้เขากับลูกทีมที่เหลือวิ่งมายืนยุงบริเวณที่หัวหน้าเจอหลักฐานทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าคือรังดักแด้สีเขียวอ่อนขนาดใหญ่กว่าปกติ ที่ดูน่าจะเป็นร่องรอยของ 0-8-4 อย่างเห็นได้ชัด

แต่…. มันตัวประมาณ5เซนนี่ ดักแด้ใหญ่ขนาดนี้…. รึในหนึ่งดักแด้มันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว?……

ความคิดของเขาแล่นไปไม่หยุด นี่มันเป็นหลักฐานที่ทำให้ทีมเราเริ่มเข้าใกล้0-8-4ไปอีกก้าวก็เป็นได้

To Be Continue…..

 

[Commu:Ex-SHIELD] Field Officer : Addison R. Convoy

 

image

 Form1

 

 Given Name : Addison

Middle Name : Ryuu

Family Name : Convoy

Gender : Male

Age : 25

Height : 182

weight : 75

Citizenship : USA

Blood Type : O

Race : Eurasian

Place Of Birth : Japan

Hair Color/Eye Color : Black/Dark Blue

Title : Field Office

Personality :

-เป็นคนเงียบๆ แต่มีความอ่อนโยน

-รักครอบครัวและเพื่อนมาก

– มนุษย์สัมพันธ์ต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดๆ

– เวลารู้สึกเขินหรือประหม่าจะเกาท้ายทอย

– ลึกๆแล้วเป็นคนกวนๆนิดๆ

– กินจุ แต่ทำอาหารได้ห่วยเกินบรรยาย

– ติดกาแฟ (เริ่มติดตั้งแต่เป็นยาม)

– งานอดิเรกคือ ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ขี่มอเตอร์ไซด์

ประวัติ

-ในครอบครัวพ่อ(อดัมส์ คอนวอย จูเนียร์) เคยเป็นการ์ดให้กับพวกมีอิทธิพลมาก่อน หลังจากได้แต่งงานกับแม่(อายามิ คอนวอย -ปัจจุบันเป็นแม่บ้าน) ก็ลาออกจากงานมาเป็นยามเฝ้าธนาคารแทน เพื่อที่จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้มากขึ้น มีพี่ชาย1คน(อเล็กซานเดอร์ คอนวอย) อายุห่างจากตัวเอง7ปี ปัจจุบันพี่ชายเป็นทหารยศผบ.พัน หลังจากได้ตำแหน่งมาไม่นานก็แต่งงานมีลูกสาว1คน

-เมื่อตอนเด็กถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งบ่อยๆ เพราะเป็นเด็กเงียบๆแล้วก็สู้คนอื่นไม่ได้ คุณแม่เลยตัดสินใจให้ไปเรียนศิลปะการต่อสู้แบบต่างๆร่วมกับพี่ชาย (ส่วนคุณพ่อแอบพาไปเรียนยิงปืน…….)

-ได้รับรางวัลมามากมายจากการลงแข่งศิลปะป้องกันตัวประเภทต่างๆและการแข่งขันยิงปืน

– พอโตขึ้นก็เข้าโรงเรียนทหารตามรอยพี่ชายไป ด้วยความที่เป็นคนหัวดีทางด้านนี้จึงกลายเป็นนักเรียนดีเด่นของชั้น ผลการสอบทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีออกมาได้ดีเยี่ยม แต่ยังเรียนไม่จบดีก็รู้สึกว่าอาชีพทหารยังไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการ ประจวบเหมาะพอดีว่าพ่อป่วยหนักในช่วงนั้น เลยพักการเรียนช่วงคราวมาดูแลพ่อ แม้ว่าพี่ชายกับแม่จะทัดท้านก็ตาม

– หลังจากเกลี่ยกล่อมแม่กับพี่ชายสำเร็จแล้ว ก็จัดการลาออกจากโรงเรียนมาเป็นยามเฝ้าธนาคารแบบพ่อก่อน เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จัดการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูละหลวมของธนาคารให้เข้มงวดขึ้น จนในที่สุดธนาคารที่ตัวเองทำอยู่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นธนาคารที่มีระบบรักษาความปลอดภัยยอดเยี่ยมที่สุดในเมือง

– พอทำงานนี้ไปได้สักพักก็รู้สึกว่าไม่ใช่แนวตัวเอง(อีกแล้ว) ขณะที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปหางานที่ไหนแทนดี ชิลด์ก็เข้ามาทาบทามให้มาร่วมงานด้วยกัน เมื่อตัวเองได้ลองไปศึกษาดูงานของหน่วยงานชิลด์ก็รู้สึกว่าเป็นงานที่เหมาะกับตัวเอง จึงได้เข้าร่วมด้วย

– ปัจจุบันก็ยังสงสัยอยู่ว่าผลงานตัวเองมันเตะตาขนาดทำให้ชิลด์มาทาบทามเลยเหรอ……..

Weapon/Skill : ปืนสั้น ดาบ ไม้พลอง ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด

อื่นๆ : สนิทกับหลานสาวตัวเองมาก ถึงขนาดเวลามีปัญหาก็ปรึกษาหลานเอา(?)

————————————————————————————-

         อ้ากกกกกกกกก!!!!!!!! อัพเสร็จแล้ว! อัพเสร็จซักที!!!!!!! //โปรยดอกไม้ ก็… รูปอาจจะยังดูไม่สวย ข้อมูลก็อาจ จะมีงงๆไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ //ก้มกราบ ยังไงก็ขอฝากลูกชายไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกท่านด้วยนะคะ! เข้ามาคุยกันได้น้า ^ ^

ช่องทางติดต่อ

 @Addy_Convoy

 @Gam_Kanyanuth (ผปค.)

[HQE] Naoki Ayume

 

 

 

 

10417201_738164479581853_1293675002_n

 

 

                                        Aoba2

ชื่อ-นามสกุล :  นาโอกิ  อายูเมะ
อายุ :  16ปี
วันเกิด : 22/08
กรุ๊ปเลือด : O
เพศ : หญิง
 
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 170 /56
สีผม/สีตา :  น้ำตาลเข้ม/น้ำตาลอ่อน
อุปนิสัยนิสัยส่วนตัว : 
-เห็นของกินเป็นเรื่องใหญ่
-ร่าเริง แจ่มใส
– ชอบพูดคุยกับเพื่อนๆ
-กลัวผีและเรื่องลี้ลับทั้งหลาย
-เวลาใช้ความคิดหรือตั้งใจคิดเรื่องอะไรซักอย่างจนเงียบลงไปถนัดตา
-ขี้แย
-ชอบทำตัวสบายๆ
-ถึงจะดูเป็นคนธรรมดาๆที่ร่าเริงตามประสาเด็กทั่วไป แต่มีความคิดที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ
 -ชอบแถๆในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ประวัติ :
ครอบครัวทำร้านขายของชำที่บ้าน
-ในครอบครัวมีพ่อ แม่ พี่ชาย ส่วนตัวเองเป็นลูกคนสุดท้อง
-ตอนเด็กๆต้องใส่ชุดที่ตกทอดมาจากพี่ชายตลอด ประกอบกับเป็นคนขี้ร้อน เลยตัดผมแบบทรงหนูแทะไปเลย
ผลปรากฎว่าโดนคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย และโดยเพื่อนล้อไปสักพัก ภายหลังจึงตัดสินใจทนร้อนแล้วไว้ผมยาวไปเลย
-ปัจจุบันอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน ส่วนพี่ชายอยู่หอที่มหาวิทยาลัย
อื่นๆ : 
– แรงเยอะและถึกมากขนาดบีบลูกแอ็ปเปิ้ลขนาดเล็กแตกคามือได้
-อาหารที่ไม่ชอบอย่างเดียวคือบร็อกโคลี่
ค่าความสามารถ :
แรงตบ : 5
แรงดีดตัว : 3
แรงกาย : 5
ความฉลาด : 2
เทคนิค : 2
สปีด : 3

[HQE] MINI-EVENT : ทานาบาตะ (นาโอกิ อายูเมะ)

10417201_738164479581853_1293675002_n

    แกร็ก แกร็ก   

    เสียงปากกาที่กำลังเสียดสีกับกระดาษดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ท่ามกลางเศษกระดาษที่ถูกทิ้งอยู่รอบๆโต๊ะประมาณ4-      5แผ่น เป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่าแผ่นที่เจ้าตัวเขียนอยู่เป็นแผ่นจริงที่จะถูกนำไปแขวนที่ต้นไผ่……. ก็แหม! การจะเขียนคำขอพรแต่ละทีมันเป็นเรื่องง่ายซะที่ไหนล่ะ?

    “อา! เสร็จซักที!” เด็กสาวพูดด้วยความโล่งอกในขณะที่เจ้าตัวก็บิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อย ขณะที่จัดแจงเอาเชือกผูกกับใบขอพร ตาของเจ้าตัวก็เหลือบไปมองชุดยูกาตะตัวใหม่เอี่ยมที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ก็รู้ผิดอยู่ที่ไม่ได้เป็นคนไปซื้อชุดนี้ด้วยตัวเอง ตอนแรกก็เกือบลืมด้วยซ้ำไปว่าต้องแต่งชุดยูกาตะไปร่วมงานด้วย ดีที่โอกะจังกับยูกะจังมาคุยเรื่องนี้กันพอดีเลยนึกขึ้นได้ ตอนแรกก็แค่คุยกันเรื่องสีชุดบาง สีผ้าโอบิบาง สีจะได้ดูไม่ซ้ำกัน แล้วก็นัดเวลาไปเที่ยวงานทานาบาตะกันเรียบร้อยก็แยกย้ายกัน หลังจากนั้นเธอก็ลืมเรื่องชุดยูกาตะไปอีกรอบ จนโอกะที่ดูกระตือรือร้นกว่าทนไม่ไหว จนต้องเป็นฝ่ายซื้อมาให้เสร็จสรรพ

    ชุดยูกาตะสีออกฟ้าครามแบบท้องทะเล ลายกลมๆที่ดูเหมือนฟองคลื่นไล่ขึ้นมาจากข้างล่างทำให้ตัวชุดดูมีลูกเล่นมากขึ้น พร้อมกับโอบิสีมุกที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว………… อืม รู้สึกผิดจริงๆนั้นแหละที่ปล่อยให้โอกะจังไปซื้ออยู่คนเดียว…… เสร็จงานเมื่อไหร่คงต้องเลี้ยงเค้กซะหน่อยแล้วล่ะ……

    หลังจากชื่นชมยูกาตะเสร็จแล้ว ก็จัดแจงเปลี่ยนชุดทันที โชคดีของเธอที่ชุดยูกาตะที่โอกะจังเลือกให้พอดีกับตัวเป๊ะ ขยับได้สะดวกดี ดี… ดีมาก…. ดีจริงๆ…… จะไม่ดีก็ตรงที่……. ทำไมของแต่งผมถึงเป็นรูปปิศาจบร็อกโคลี่ล่ะ =  =? โอกะจังคงเคืองๆอยู่ที่เธอไม่ไปด้วยสินะ ถึงเอาของแบบนี้มาโจมตี(?)เธอ…………. หลังจากผสานตายตากับเจ้าก้อนเขียวๆสักพัก ก็ตัดสินใจทำผมทรงเดิมตามปกติ พร้อมกับคว้ากระเป๋าใบย่อมเดินออกไปร่วมงานทานาบาตะทันที

.

.

.

.

.

.

  “เอ่อ จิซุรุจัง… ทำอะไรอยู่น่ะ…” สิ่งที่ทำให้เธอตกใจนอกจากสภาพร้างผู้คนในโรงเรียนอาโอบะโจวไซแล้ว ยังเป็นเพราะเพื่อนสาวที่นอนแอบๆอยู่ตรงทางเดินแบบไม่กลัวยุงมากัดอีกด้วย……  “ก็ดักจับขาคนไง อายูเมะจัง” จิซุรุจังพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย “แต่ทุกคนก็ไม่ยอมเล่นกัน แถมยังหนีไปคาราสึโนะหมดเลย”

.

.

.

.

.

.

..

..

    อา…. วันนี้รู้สึกผิดไปกี่รอบแล้วเนี้ย ขอโทษนะจิซุรุจัง ที่จริงก็ไม่อยากทิ้งเอาไว้คนเดียวเลย แต่…….. บรรยากาศแบบนั้นมันน่ากลัวเกินไปอ่า QAQ เดินมาเรื่อยๆก็มาถึงคาราสึโนะจนได้ เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจากฝูงชนที่มาร่วมงาน โคมไฟที่ห้อยเป็นระย้าตามทาง เสียงเรียกลูกค้าที่ได้ยินไม่ขาดสาย และที่สำคัญ! กลิ่นหอมของอาหารและขนมหลากหลายชนิด ทำให้รู้สึกว่าเป็นงานทานาบาตะจริงๆ! เด็กสาวนักกินไม่รอช้าที่จะเดินสำรวจแต่ละซุ้มไปเรื่อยๆทันที

   กึก!  ก่อนที่จะก้าวเท้าไปดูซุ้มที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็พลันได้กลิ่นหอมอบอวลที่คุ้นเคย กลิ่นที่เป็นกำลังใจให้ในทุกๆวันของเธอ กลิ่นที่ทำให้เธอยอมแลกแรงกายและแรงใจให้! ไม่รอช้า เธอก็รีบวิ่งตามกลิ่นหอมนี่ไปทันที…

   ภาพที่เห็นคือรุ่นพี่สองคนกำลังช่วยกันพลิกลูกทาโกะยากิ และเติมแป้งกันอย่างขมักเขม้น โชคดีเป็นรอบที่สองของวันที่เธอเป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆพอดี เลยไม่ต้องยืนน้ำลายไหลนานก็ได้ทาโกะร้อนๆหอมฉุยมาอยู่ในครอบครองชุดหนึ่ง ไม่รอช้า เธอรีบส่งทาโกะยากิลูกที่หนึ่งเข้าปากทันที “ยังไม่ได้ใส่สาหร่ายกับปลาแห้งเลยเธอ ใจเย็นสิ” หนึ่งในรุ่นพี่ที่ขายทาโกะยากิพูดด้วยน้ำเสียงออกเอือมๆเล็กน้อย ก่อนจะยืนที่คีบมาโรยสาหร่ายกับปลาแห้งให้ “ขอบคุณคะ!!!”ถ้าจำไม่ผิดรุ่นพี่คนนี้คงเป็นรุ่นพี่ที่ถูกคนอื่นๆเรียกว่าเต้าหู้……. เธอคิด ขณะจิ้มทาโกะยากิลูกถัดไปเข้าปาก

   “อร่อยหรือเปล่า? อ้ะ…อย่าลืมจ่ายนะ !” รุ่นพี่เต้าหู้ถาม ขณะจิ้มทาโกะยากิในเตามาเพิ่มให้ “ร้อนอ่ะ….. แต่อร่อยมาเลย! *เรื่องเงินก็ไปต้องห่วงไปคะ! ฉันเตรียมมาเพื่อทาโกะยากิโดยเฉพาะเลย!” ไม่พูดเปล่าแต่ยังชูกระเป๋าตังค์ขึ้นมาเขย่าให้ดู”ขนาดนั้นเลยเรอะ 555 เธอมาจากไหนน่ะ หน้าไม่คุ้นเลย ไม่ได้อยู่คาราสึโนะสินะ” รุ่นพี่ถามอย่างอารมณ์ดีขณะหยอดแป้งเพิ่ม

.

.

.

.

.

เธอกับรุ่นพี่ยืนคุยกันอีกสักพักหนึ่งจนกระทั่งเธอได้ยินเสียง กร็อบ! ดังมาจากข้างหลังเธอ “อา-ยู-เมะ-จัง” น้ำเสียงเย็นเหยียบดังเข้ามาในโสตประสาท เธอกลืนน้ำลายเข้าไปเอือกหนึ่งก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปเผชิญกับความจริงอันโหดร้าย ภาพที่เห็นคือโอกะในชุดยูกาตะกำลังยิ้มเย็นกลับมาให้พร้อมกับมือถือแตกๆเครื่องหนึ่งในมือ ในขณะที่ยูกะจังได้แต่ยิ้มแห้ง ตายละ! ลืมไปเลยว่านัดพวกโอกะจังที่อาโอบะโจวไซ…

.

.

.

.

.

.

   ดูสึกตัวอีกที…. ก็ถูกทิ้งไว้แถวๆม้านั่งบริเวณงานซะแล้ว… เท่าที่ได้ยินมาจากผู้คนที่สัญจรไปมา โอกะจังกับยูกะจังได้ไปเปิดซุ้มขายเค้กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…… ไปช่วยตอนนี้โอกะจังก็ยังคงงอนอยู่…. งั้นไปดูห่างก่อนก็แล้วกัน!

.

.

.

.

.

.

  ซุ้มของโอกะกับยูกะเป็นไปได้ด้วยดี มีลูกค้ามาอุดหนุนกันโดยไม่ขาดสาย ทั้งสองคนเองก็พลอยสนุกกันไปด้วย การที่มามองสองคนนี้จากที่ไกลๆก็ถือเป็นมุมมองใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน เหมือนกับได้มาเห็นภาพรวมที่ดูกว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอกะจังกับยูกะจัง พวกรุ่นพี่ที่อยู่ซุ้มทาโกะยากิ จิซุรุจังที่มาเดินดูงานตั้งแแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเพื่อนๆพี่ๆอีกหลายคนที่เรียกชื่อกันไม่หวาดไม่ไหว เหมือนกับได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนชัดขึ้น สีหน้าหรือท่าทางก็สังเกตได้ชัดเจนกว่าตอนอยู่ใกล้ อาจจะฟังดูโดดเดี่ยวแต่ก็เป็นภาพที่สวยงามที่นานๆครั้งจะได้เห็นเหมือนกัน

   หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยซักพัก เงยหน้ามองท้องฟ้าอีกทีก็เต็มไปด้วยพลุหลากสีซะแล้ว จริงอยู่ว่าตอนนี้ทุกคนอาจจะยังไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา บางคนยังเล่นเกมตามซุ้มต่างๆ บางคนก็เฝ้าซุ้มของตัวเอง หรือบางคนก็อาจจะซุ่มมองคนอื่นแบบเธอก็ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนทำร่วมกับคือการเงยหน้ามองพลุกันโดยไม่ได้นัดหมาย ชื่นชมและตกตะลึงไปด้วยกัน จะถือเป็นกิจกรรมในวันทานาบาตะร่วมกันได้ไหมนะ? เธอได้แต่นึกยิ้มๆก่อนจะหลับตาลง จินตนาการถึงภาพใบอวยพรที่ผูกไว้กับต้นไผ่ในห้องนอน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ขอให้ทุกคน มีความสุขร่วมกันตลอดไป

——————————————————

ขอขอบคุณฝปค.ทุกๆท่านที่ข้าน้อยได้ยืมตัวคุณลูกมาร่วมในอีเว้นท์นี้ด้วยนะคะ ฟฟฟฟ //ก้มกราบ

แล้วเจอกันอีเว้นท์หน้านะคะ! //น็อกหน้าคอม